ประเทศคู่สงครามในสงครามโลกครั้งที่
1
เมื่อสงครามเริ่มขึ้น
ขั้วอำนาจทั้ง 2 ในยุโรปต่างก็แสวงหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นและได้เปลี่ยนชื่อเรียกฝ่ายของตน
กล่าวคือฝ่ายไตรภาคได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พันธมิตร” หรือ “Allied Power”
ส่วนฝ่ายไตรพันธมิตร เปลี่ยนชื่อเป็น “ฝ่ายมหาอำนาจ” หรือ “Central Powers”
ออสเตรีย-ฮังการี
ได้ประกาศสงครามกับเซอร์เบียในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 เริ่มต้นโดยการนำกำลังทหารเข้าโจมตีเซอร์เบียในวันรุ่งขึ้น
ส่วนทางรัสเซียก็ได้ส่งทหารจำนวน 1,000,000 นาย ประจำตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ
ของเซอร์เบีย การสนับสนุนของรัสเซียที่มีต่อเซอร์เบียทำให้ทางเยอรมันได้แจ้งเตือนไปยังรัสเซียว่าให้ยุติการสนับสนุนเซอร์เบีย
แต่รัสเซียก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำเตือนนี้ ดังนั้น เยอรมันจึงประกาศสงครามกับรัสเซีย
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1914 และได้เตรียมแผนการรบไว้ต่อสู้กับรัสเซีย
โดยแผนการนี้ชื่อว่า “แผนการชลีฟเฟน” ซึ่งผู้ที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาก็คือ
นายพลอัลเฟรด ฟอน ชลีฟเฟน
สาระสำคัญของแผนการนี้ก็คือ กองทัพเยอรมันจะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
กล่าวคือกองทัพทางด้านตะวันตกจะบุกผ่านเบลเยี่ยมเพื่อไปโจมตีฝรั่งเศส
ส่วนทางด้านตะวันออกก็โจมตีรัสเซีย แต่ด้วยความที่รัสเซียมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมาก
ดังนั้น กองทัพทางด้านตะวันตกของเยอรมันเลือกเปิดฉากบุกทะลวงเข้าไปในฝรั่งเศสก่อน
เพื่อที่ว่าเมื่อมีชัยชนะเหนือฝรั่งเศสแล้วจะได้โจมตีรัสเซียในโอกาสต่อไป
การที่เยอรมันตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้าโจมตีเบลเยี่ยมเพื่อใช้เป็นทางผ่านไปยังฝรั่งเศสนั้น
ทำให้อังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมันและฝ่ายมหาอำนาจกลาง ดังนั้น
ประเทศคู่สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงแบ่งออกได้ดังนี้
ฝ่ายพันธมิตร
ประกอบไปด้วยประเทศต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแกนหลักของกลุ่ม ดังนี้
1. อังกฤษ
2. ฝรั่งเศส
3. รัสเซีย
4. อิตาลี
5. สหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ว่าก่อนสงครามโลกครั้งที่
1 จะอุบัติขึ้น
อิตาลีจะเป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มไตรพันธมิตรร่วมกับเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการีก็ตาม
แต่อิตาลีก็ไม่ได้ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายมหาอำนาจกลางเลย
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอิตาลีและฝรั่งเศสได้ทำสัญญาอย่างลับๆ
โดยฝรั่งเศสได้ยื่นข้อเสนอให้อิตาลีถอนตัวออกจากฝ่ายมหาอำนาจกลาง
เพื่อแลกกับดินแดนบางส่วนของออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งก็คือเตรนตีโน อิสเตรีย
และดัลมาเทีย
เมื่อทางฝ่ายมหาอำนาจกลางเห็นว่าอิตาลีไม่เข้าร่วมรบในสงครามจึงเกิดความระแวงว่าอิตาลีจะไปเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร
ดังนั้น ทางรัฐบาลของออสเตรีย-ฮังการี จึงเสนอว่าจะมอบตูนิเซีย
อันเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสให้กับอิตาลีเมื่อสงครามสิ้นสุดลง
โดยที่อิตาลีต้องรักษาความเป็นกลางเอาไว้เช่นนี้
แต่เมื่อประเทศทางฝ่ายพันธมิตรต้องการให้อิตาลีเข้าร่วมกับฝ่ายของตนด้วย
จึงได้ยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับอิตาลี โดยใจความหลักของข้อเสนอนี้คือ
เมื่อสงครามจบสิ้นลงแล้ว ฝ่ายพันธมิตรจะมอบดินแดนไทรอลใต้ จูเลีย-สมาร์ช
และดินแดนบนชายฝั่งของดัลมาเทียให้กับอิตาลี
เพื่อเป็นการตอบแทนที่อิตาลียอมเข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวกัน ความตกลงระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับอิตาลีทำให้เกิดการลงนามใน
“สนธิสัญญาลอนดอน” ขึ้น
ผลจากการที่อิตาลีลงนามในสนธิสัญญาลอนดอนนี้
ทำให้อิตาลีต้องประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการี และเยอรมันนีในที่สุด
ฝ่ายมหาอำนาจกลาง
ประกอบไปด้วยประเทศต่างๆ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นแกนหลักของกลุ่ม ดังนี้
1. เยอรมัน
2. ออสเตรีย-ฮังการี
3. ออตโตมัน
4. บัลแกเรีย
ในมหาสงครามโลกครั้งที่
1 บุรุษผู้หนึ่งเข้าร่วมรบอยู่ในกองทัพของประเทศเยอรมันก็คือ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
โดยที่ในเวลาต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้จุดไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้น
บทบาทของฮิตเลอร์ จะอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2